บริการการรักษาด้านรากฟันเทียมเต็มรูปแบบ
วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางทันตกรรม มาตราฐานโลกและได้รับการแต่งตั้งเป็น ศูนย์ศึกษาวิจัยทางคลินิก Clinical Research Center of Osstem Dental Implant
การรักษาในระดับสากล บนค่าใช้จ่ายที่สมเหตุผล
ส่วนหนึ่งที่เป็นสาเหตุสำคัญคือ "ทีมทันตแพทย์" ที่มีจิตอาสาที่จะแบ่งเวลามาให้การรักษาผู้ป่วยในศูนย์ โดยยอมรับเงื่อนไขลดค่ารักษาให้ผู้ป่วยโดยหักจากค่าธรรมเนียมแพทย์ที่ควรจะได้รับ
หลายสาขาใกล้บ้าน
ปันจุบันศูนย์ทันตกรรมรากฟันเทียม คลินิกทันตกรรมเดนทัลอิมเมจ มีทั้งหมด 5 สาขาเดินทางสะดวก ได้แก่ สาขาพญาไท สาขาลาดพร้าว สาขาพระราม 2 สาขาสุุขุมวิท และสาขารามอินทรา
รากฟันเทียม (Dental Implant) คือ เป็นวิวัฒนาการทางทันตกรรม ที่คิดค้นขึ้นเพื่อทดแทนการสูญเสียฟัน ธรรมชาติ เนื่องจากฟันผุ โรคเหงือก หรืออุบัติเหตุ ฯลฯ ร ากเทียมผลิตขึ้นจากไทเทเนียม จะมีรูปร่างคล้ายรากฟัน
โดยจะฝั่งลงบนกระดูกขากรรไกร ซึ่งจะค่อยๆ ยึดติดแน่นกับกระดูกภายใน 2-4 เดือน จากนั้นจึงกลับมาใส่อะบัตเม้นท์และครอบฟันบนรากเทียม โดยทันตแพทย์จะเป็นคนออกแบบรูปร่าง และสีของครอบฟันบนรากเทียมให้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติของคนไข้มากที่สุด และไม่มีผลข้างเคียงต่อฟันที่เหลืออยู่ การใส่รากเทียมมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ สามารถรับประทานอาหารได้ทุกชนิด โดยไม่ก่อให้เกิดความรำคาญ ไม่ต้องคอยกังวลเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากๆ และยังช่วยเรื่องการพูดออกเสียง
นอกจากนี้ฟันเทียมยังไม่มีการทำอันตรายต่อฟันและเหงือกในบริเวณข้างเคียง ลดการละลายของสันกระดูกที่รองรับฟันปลอม ทำความสะอาดฟันได้ง่าย ดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก และมีความสวยงามที่เทียมเท่ากับฟันธรรมชาติ จึงทำให้ทันตกรรมรากเทียมเริ่มเป็นที่นิยม ได้รับการยอมรับ และมีแนวโน้มที่จะมาแทนที่สะพานฟันมากขึ้น เพราะการทำสะพานฟันจะทำให้สูญเสียฟันธรรมชาติข้างเคียง สะพานฟันเป็นการเสริมฟันในส่วนที่อยู่ด้านบนของเหงือก เมื่อเวลาผ่านไปกระดูกที่รองรับรากฟันของซี่ที่ถูกถอนไปจะค่อยๆละลายลง ทำให้เกิดการยุบตัวของกระดูกในบริเวณนั้น โดยเฉพาะส่วนฟันหน้าด้านบน เมื่อกระดูกละลาย จะทำให้โครงหน้าเปลี่ยน และดูแก่กว่าวัย แต่รากเทียมจะช่วยรักษากระดูกรองรับรากฟันไว้ทำให้กระดูกบริเวณนั้นไม่ละลายและคงสภาพเดิมไว้
รากเทียมประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
- รากเทียม (Fixture) ซึ่งทำมาจากโลหะไทเทเนียม (Titanium) ซึ่งมีรูปร่างคล้ายรากฟัน และจะฝังลงบนกระดูกขากรรไกร ซึ่งจะค่อยๆ ยึดติดได้อย่างแนบแน่นกับกระดูกขากรรไกร โดยไม่มีผลกระทบต่อเนื้อเยื่อในช่องปาก และไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ
- เดือยฟัน (Abutment) หรือเดือยรองรับครอบฟัน หลังจากฝังรากเทียมบนกระดูกขากรรไกร เป็นเวลาประมาณ 2-4 เดือน เพื่อให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้ดี จากนั้นจึงจะใส่เดือยฟัน ลงบนรากเทียม เพื่อใช้เป็นที่รองรับครอบฟัน
- ครอบฟัน (crown) เป็นส่วนที่อยู่ด้านบนของเหงือก ซึ่งจะทำมาจากเซรามิค (porcelain) มีรูปร่างลักษณะและสีเหมือนฟันธรรมชาติของคนไข้
ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 ขั้นตอนของการฝังฟันรากเทียม ใช้ระยะเวลา ประมาณ 7 วัน รวมถึงวันติดตามอาการ แต่การปลูกจริงๆ ใช้ เวลาประมาณ 1-2 ช.ม. หลังจากนั้นอีกประมาณ 5-7 วัน จึงกลับมาเช็คแผล ถือ เป็นการเสร็จการรักษาของ ส่วนที่ 1
ส่วนที่ 2 ขั้นตอนของการใส่ฟันบนรากเทียม ส่วนที่ 2 นี้ จะใช้เวลาห่างจาก ส่วนที่ 1 ประมาณ 3 เดือน (หรือมากกว่านั้นก็ได้ เพราะบางคนฝังทิ้งไว้ 6 เดือน ไม่มีผลเสียอะไร กลับดีซะอีก เพราะจะทำให้รากฟันเทียมกับกระดูดยึดติดกันแน่นมาก) ระยะเวลาในการรักษาของส่วนนี้ประมาณ 7-10 วัน รวม รวมกระบวนการรับส่งงานจากแลป
การที่ต้องเว้นระยะเวลาระหว่างส่วนที่ 1 กับส่วนที่ 2 ห่างกันอย่างน้อย 3 เดือนนั้น เพราะ ต้องการให้รากฟันเทียมได้ยึดติดกับกระดูดฟันให้แน่น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการหลุดของรากฟันเทียมคะ
*กรณีที่มีการปลูกกระดูกที่ซับซ้อน อาจจะต้องปลูกกระดูกทิ้งไว้ 3-6 เดือน (ในกรณีที่กระดูกหายไปมากๆ) แล้วค่อยมาเริ่มทำในส่วนที่ 1
หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำรากฟันเทียมแล้ว คนไข้ควรพบทันตแพทย์เพื่อเช็ครากฟันเทียมเป็นประจำ ทุก 6 เดือน
ความน่าเชื่อถือ
จากการศึกษาวิจัยและเอกสารวิชาการต่างๆได้กล่าวถึงประสิทธิภาพ ของการทำรากเทียมว่าสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือน ฟันธรรมชาติจริงๆ และยังมีลักษณะเหมือนฟันธรรมชาติมากจนยากที่จะสังเกตได้ ทันตกรรมรากเทียมเหมาะสำหรับ เหมาะสำหรับทุกคน ที่สูญเสียฟันแท้ไป โดยไม่จำกัดอายุตราบใดก็ตาม ที่ท่านยังคงสามารถทำรากเทียม ได้ สำหรับผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องกังวลว่าท่านจะไม่สามารถทำรากเทียมได้ เนื่องจากขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยุ่งยาก และไม่ซับซ้อน นอกจากนี้แล้ว สำหรับผู้สูงอายุที่ได้รับการรักษาโดยการฝังรากเทียม จะทำให้ความมีชีวิตชีวาจะกลับมาอีกครั้ง เพราะท่านจะสามารถทำกิจกรรม ประจำวันได้ อย่างมั่นใจอีก และสามารถรับประทานอาหารที่ชื่นชอบได้อย่างไร้กังวล
ข้อดีของทันตกรรมรากเทียม
- รับประทานอาหารที่คุณชื่นชอบได้ทุกชนิด โดยไม่ต้องกังวล
- สามารถยิ้มด้วยความมั่นใจ
- พูดจาออกเสียงได้ชัดถ้อยชัดคำและเป็นธรรมชาติ
- เพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว ช่วยให้อาหารย่อยได้ดีขึ้น
- ช่วยเรื่องบูรณะโครงสร้างของใบหน้าให้เกิดความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
- สร้างความเชื่อมั่นในตนเองและทำให้มีบุคลิกภาพที่ดี
- สร้างเสริมคุณภาพชีวิตให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น
สัมภาษณ์หมอตี้ ทพ.อานนท์ และ หมอโชค ทพ.คมศักดิ์ เกี่ยวกับที่มาและแนวคิดการริเริ่มทำรากฟันเทียมในราคาเพื่อคนไทย
Straumann Titanium Award 2022 | รากฟันเทียมเพื่อคนไทย คุณภาพระดับสากล |
สอบถามเกี่ยวกับการรักษา (Inquire about treatment options)
#รากฟันเทียมราคาเพื่อคนไทย
คำถามที่พบบ่อย
ระยะเวลาในการฝังรากฟันเทียม ขึ้นอยู่กับจำนวนซี่ที่ฝังครับ ปกติฝังรากฟันเทียม 1 ซี่ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็เสร็จแล้ว แต่ถ้าหากมีจำนวนซี่ที่ต้องฝังเยอะก็อาจจะต้องใช้เวลาครับ หรือกรณีที่ต้องมีการปลูกกระดูกร่วมด้วยก็ต้องเวลานานนิดนึง เพื่อให้แผนการรักษาออกมาดีที่สุดครับ
การฝังรากฟันเทียมเป็นการผ่าตัดเล็กๆ ใช้การฉีดยาชา และจากการสัมภาษณ์คนไข้รากฟันเทียมหลายๆ เคสที่ผ่านมามักจะบอกว่าให้ความรู้สึกเหมือนกับการถอนฟัน หรือบางคนรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการถอนฟันด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจึงไม่กระทบต่อการใช้ชีวิต ไม่ต้องมีการพักฟื้น หลังจากฝังรากฟันเทียมแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยครับ
ต้องขึ้นอยู่กับความหนาของกระดูกคนไข้ครับ ส่วนใหญ่เคสที่จำเป็นต้องปลูกกระดูกคือ คนไข้ที่สูญเสียฟันปล่อยให้ฟันหลอเป็นเวลานานทำให้กระดูกฟันฝ่อลงเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องปลูกกระดูกก่อนฝังรากเทียมครับ หากจะพูดให้เห็นภาพ คือเปรียบเสมือนเรากำลังจะฝังเสาสักต้นลงไปในดิน หากดินมีไม่เพียงพอเสาก็อาจจะล้มได้ ดังนั้นจึงต้องมีการเติมดินนั่นเองครับ
ต้องบอกก่อนว่าความเจ็บปวดของการทำรากฟันเทียมใกล้เคียงกันการถอนฟัน หรืออาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ที่ตัวคนไข้ จากประสบการณ์ฝังรากฟันเทียมให้คนไข้มาหลายๆ เคส และจากการสัมภาษณ์คนไข้หลังทำ ส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ็บน้อยกว่าถอนฟัน และผ่าฟันคุดอีกครับ
*หากต้องมีการฝังรากฟันเทียใหลายซี่ ก็เปรียบเหมือนการถอนฟันหลายซี่เช่นกัน แน่นอนว่าอาจจะมีภาวะระบบหลังทำเกิดขึ้นได้
*เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการปลูกกระดูก ก็อาจจะมีภาวะการบวมเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่หลังการทำผลลัพธ์มักจะดีคุ้มค้า การใช้ชีวิตหลังรากฝังรากฟันเทียมดีขึ้น
การบดเคี้ยวของรากฟันเทียม ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติเลยครับ เนื่องจากได้ทำการฝังรากฟันเทียมลงไปที่กระดูก ทำให้แรงบดเคี้ยวลงไปที่กระดูกโดยตรง จึงทำให้มีประสิทธิภาพ และให้ความรู้สึกเวลาเคี้ยวอาหารใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากครับ
ไม่ยากเลยครับ การดูแลรักษารากเทียมเหมือนกับการดูแลฟันธรรมชาติ เนื่องจากสามารถแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันได้เหมือนฟันธรรมชาติเลยครับ
ตัวรากฟันเทียม มีความทนทานมากครับ ซึ่งถ้าหากคนไข้ดูแลทำความสะอาดอย่างดี ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ แปรงฟันสะอาด รวมไปถึงหมั่นไปพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ทำการตรวจเช็คบำรุงรักษาอยู่ตลอด ก็จะทำให้รากฟันเทียมนั้นสามารถอยู่กับคนไข้ไปได้อย่างยาวนาน หรือตลอดไปเลยครับ
คุณภาพรากฟันเทียมเหมือนกันค่ะ คุณหมอประจำที่คลินิก เป็นคุณหมอเฉพาะทางด้านรากฟันเทียมโดยตรง คนไข้คลายกังวลได้เลยค่ะ
สามารถทำได้ปกติครับ แต่แนะนำว่าควรมีการปรึกษาระหว่าง คุณหมอประจำตัวที่ดูแลในส่วนของโรคเบาหวาน และ คุณหมอฟันที่ทำรากฟันเทียม ควบคู่กันไปด้วยครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เองครับ
การฝังรากฟันเทียมแบบวันเดียวเสร็จ จริงๆ ทำได้ทุกคน แต่ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้น และที่สำคัญต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของตัวคนไข้เองด้วยครับ เพราะการฝังรากฟันเทียมต้องมีความพร้อมในเรื่องของ “กระดูก” เป็นหลัก และยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกเช่น การดูแลความสะอาดของคนไข้ การบดเคี้ยวของคนไข้ใช้แรงเยอะไหม ปัจจัยเหล่านี้คุณหมอจะเป็นคนพิจารณาว่าคนไข้เหมาะที่จะทำรึเปล่า
สิ่งสำคัญที่คนไข้ต้องการคือ การรักษาครั้งเดียว ทำเสร็จแล้วรากเทียมอยู่กับคนไข้ไปยาวๆ นั้นคือการวางแผนที่ดี การทำเร็วเป็นเรื่องดีครับ แต่สิ่งที่หมอตระหนักให้กับคนไข้ก็คือ การที่ทำรากเทียมเสร็จแล้วคนไข้ใช้งานได้จริง ใช้ได้อย่างคุ้มค่ายาวนาน และได้รับการรักษาที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญครับ
สามารถทานอาหารได้ปกติเลยค่ะ แต่แนะนำว่าช่วงแรกๆ ควรทานอาหารอ่อนๆ ก่อน เช่น โจ๊ก หรือ ข้าวต้ม งดทานของร้อนจัด หรือเผ็ดจัด หากทานของเย็นๆ ได้ยิ่งดีค่ะ
อาการบวม จะมีบ้างเล็กน้อยไม่เกิน 1-2 อาทิตย์ บางคนมีอาการบวมนิดหน่อย 1-2 วันก็หายเป็นปกติแล้วค่ะ
แต่สำหรับคนไข้ที่ปลูกกระดูกร่วมด้วย อาจจะมีอาการบวมมากว่าประมาณ 2 อาทิตย์ แต่บางคนแผลหายเร็วอาการบวมก็จะหายเร็วกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่ที่ตัวคนไข้แต่ละคน เนื่องจากร่างกายของคนเรานั้นไม่เหมือนกันค่ะ